“ไม้ใบ…คลื่นใต้น้ำลูกใหม่ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นตามกระแสความต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการผลิตจากไทยเป็นหลัก สวนไม้ใบของคุณอุดม ฐิตวัฒนะสกุล หนึ่งในบรรดาผู้ส่งออกไม้ใบรายไหญ่ยึดหลักการจัดการแบบธรรมชาติและช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญจึงส่งผลให้เติบโตอย่างรวดเร็ว”
ถ้าพูดถึงกระแสความนิยมในตลาดไม้ดอกไม้ประดับขณะนี้ “ลีลาวดี” นับได้ว่าเป็นตัวเด่นชูโรงของวงการไม้ดอกไม้ประดับ เกษตรกรหลายรายเริ่มหันมาให้ความสนใจในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับกันมากขึ้น แต่เมื่อลองมองถึงความยั่งยืนและความต้องการของตลาดแล้ว “ไม้ใบ” น่าจะมีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากมีปริมาณความต้องการสูงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และถือว่าเป็นความโชคดีอีกประการหนึ่งที่สภาพภูมิอากาศของประเทศไทยสามารถปลูกไม้ใบได้หลายชนิดตรงกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่มีปริมาณความต้องการที่มากและมุ่งเน้นมายังแหล่งผลิตในประเทศไทย “อุดมการ์เด้น” เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่ผลิตไม้ใบส่งออกรายใหญ่ที่สุดในจังหวัดราชบุรี โดยมี คุณอุดม ฐิตวัฒนะสกุล อยู่บ้านเลขที่ 179 ม.3 ต.ดอนคลัง อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เป็นเจ้าของสวนและยึดหลักการจัดการแบบธรรมชาติ โดยไม่มีการใช้สารเคมี
ประวัติความเป็นมา
แต่ก่อนคุณอุดมเป็นนักวิชาการเกษตรประจำอยู่ที่ประเทศอินเดีย จนกระทั่งช่วงวิกฤตค่าเงินบาทลอยตัวจึงลาออกมาทำอาชีพส่วนตัวและคิดว่าตัวเองก็มีความรู้ด้านการเกษตรและพื้นเพทางบ้านก็ทำสวนกล้วยไม้อยู่ที่กรุงเทพฯ เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2500 และนับได้ว่าเป็นสวนกล้วยไม้เชิงพาณิชย์แหล่งแรกๆ ของประเทศไทย จึงได้ตัดสินใจมาทำงานด้านเกษตรกรรมโดยเริ่มจากพื้นที่ผืนเล็กๆ ที่ทางบ้านซื้อทิ้งเอาไว้แต่ไม่มีใครทำในอำเภอดำเนินสะดวก และเริ่มทำไม้ใบที่อำเภอดำเนินสะดวกเมื่อต้นปี 2539 ก่อนที่จะหันมาทำไม้ใบ ที่สวนก็ปลูกพืชผักไม้ผลตามที่เขาปลูกกัน แต่ก็สู้กับโรคและแมลงไม่ไหว จึงได้เริ่มมองหาไม้ประดับเข้ามาลองปลูกดูในแปลงเล็กๆ ทำไปได้สักระยะหนึ่งก็เริ่มมีตลาดและขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ จนในปัจจุบันมีทั้งหมด 60 ไร่ ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีและเริ่มมีรายได้เข้ามาหมุนเวียนใช้จ่ายเรื่อยมา
สาเหตุที่ทำให้สวนของคุณอุดมขยายตัวได้ไวเนื่องจากการนำวัสดุและอุปกรณ์ที่เหลือใช้มาประยุกต์ใช้ภายในสวน เช่น การนำเอาเศษกากมะพร้าวหัวท้ายที่แข็งๆ เอามาปลูก บางส่วนก็นำมาเผาเป็นถ่านแล้วนำมาปลูกกล้วยไม้ เนื่องจากไม่ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ซาแรนที่เหลือจากสวนกล้วยไม้ก็นำมาพันเสาบ้าง ทำแปลงปลูกต้นไม้บ้าง จุดนี้ทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศเห็นความสำคัญในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและนำสิ่งของเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์ได้
รูปแบบการจัดการ
คุณอุดมเล่าถึงการจัดสวนว่า เริ่มจากการจัดการขั้นพื้นฐานของงานเกษตรก่อน ซึ่งคนทำสวนทั่วไปจะไม่คำนึงถึงความสำคัญตรงจุดนี้ เช่น การจัดการระบบน้ำ ที่นี่เราจะขุดบ่อน้ำขึ้นมาใช้ในฤดูแล้ง ถึงแม้ว่าทางอำเภอดำเนินสะดวกจะมีน้ำค่อนข้างจะดี แต่เราก็ไม่ประมาท ในบ่อเราจะเลี้ยงปลากินพืชสำหรับเป็นตัววัดคุณภาพน้ำ เนื่องจากปลากินพืชค่อนข้างจะไวต่อค่า BOD หากในน้ำมีปริมาณออกซิเจนน้อยปลาจะลอยหัวขึ้นมาให้เราเห็น ชายตลิ่งจะปลูกพืชยึดดิน เช่น ลิ้นมังกร เนื่องจากเป็นพืชที่ไม่เป็นที่ซ่อนพวกสัตว์เลื้อยคลาน ชายตลิ่งอีกข้างก็ปลูกมะพร้าวนี้เป็นพื้นฐานทางงานเกษตร โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านมาประยุกต์ใช้สร้างคันกั้นน้ำ ปลูกผลไม้สำหรับนำมาค้าขายและปลูกไม้ยืนต้นสูงๆ เพื่อเป็นแนวป้องกันลม พวกนี้เป็นความรู้พื้นฐานทางด้านงานเกษตรที่ทุกคนรู้แต่ว่าละเลย ทำให้ที่สวนไม่มีปัญหาในขณะที่สวนอื่นๆ ส่วนเรื่องการปลูกพืชจะปลูกตามทิศทางความต้องการของตลาด
การดูแล
งานหลักของที่นี่ก็คืองานตัดใบในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายก็จะเป็นช่วงเวลาของการดูแล, รักษา, บำรุง จะเป็นหน้าที่ของนิสิตนักศึกษาที่เข้ามาฝึกงานและคนงานในสวน ส่วนการปรับปรุงคุณอุดมจะเข้ามาดูแลเอง เช่น เรื่องการผสมพันธุ์
การให้น้ำ
ที่นี้จะให้น้ำทางระบบสปริงเกลอร์เกือบ 100% ถ้าอุณหภูมิสูงมากๆ เราจะให้ช่วงเช้าและบ่าย แต่ถ้าอุณหภูมิไม่สูงอาจจะให้ช่วงเวลาที่ว่าง โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องให้ในช่วงเช้า เนื่องจากเรากำลังตัดใบอยู่ถ้าให้น้ำก็คงจะไม่เหมาะก็เลื่อนมาเป็นช่วงสายหรือบ่ายก็ได้ การให้น้ำมีข้อจำกัดคือไม่ควรให้น้ำในช่วงเย็นมากเกินไป ถ้าให้แล้วใบไม่แห้งก่อนมืดจะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย เวลาที่ให้ครั้งหลังสุดไม่ควรเกิน 16.00 น. นี่เป็นเทคนิคที่คุณอุดมเล่าให้ฟัง
การให้ปุ๋ย
จะเน้นการให้พวกอินทรีย์วัตถุเป็นส่วนมาก เช่น ปุ๋ยคอก, ปุ๋ยหมัก ใส่เคมีบ้างในช่วงที่ฝนตกมากๆ โดยจะใส่ปุ๋ยสูตรตัวท้ายสูงเพื่อปรับสภาพในฤดูร้อนจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ หรือสูตรตัวหน้าสูงเล็กน้อย ส่วนฤดูหนาวจะให้สูตรตัวหน้าสูงมากๆ เพื่อกระตุ้นให้พืชตอบสนองต่อการเจริญเติบโต แต่ละช่วงแต่ละฤดูกาลก็จะแตกต่างกันออกไป ความถี่ในการให้ปุ๋ยทางดินจะให้ทุกๆ 45 วัน ทางใบให้ทุกๆ 15-30 วัน ซึ่งการให้ปุ๋ยทางใบนั้นแต่ละฤดูกาลจะให้สูตรที่แตกต่างกัน เช่น
ในช่วงฤดูฝนจะเน้นให้ไนโตรเจนต่ำ ฟอสฟอรัสและโปแทสเซียมสูง
ฤดูร้อนจะให้ไนโตรเจนสูง ฟอสฟอรัสต่ำและโปแทสเซียมจะสูงเล็กน้อย
ส่วนเรื่องโรคและแมลงแทบจะไม่มีการฉีดยาเลย จะเน้นการใช้ ศัตรูธรรมชาติเป็นตัวกำจัดแทนและใช้วิธีการปลูกพืชสลับผสมผสานกันไป ภายในสวนจะมีพวกกบ, กิ้งก่า, จิ้งเหลนอยู่มากซึ่งสัตว์พวกนี้จะช่วยกำจัดแมลงได้เป็นอย่างดี
คุณอุดมบอกว่า ตอนนี้มีไม้ใบทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 200 ชนิด แต่ที่ทำเชิงการค้ามีประมาณ 20 ชนิด และที่ผลิตมากๆ ส่งออกต่างประเทศมีอยู่ 6 ชนิด ได้แก่ มอนสเตล่า, ซีลุ่ม, โกลดิอี้, ซานาดู, เล็บครุฆผักชี, มรกตแดง และอื่นๆ อีกเล็กน้อย เช่น เล็บครุฆเหรียญบาท, พัดหยก, หมากผู้หมากเมีย, ทางหมากเหลือง, เตยด่าง เป็นต้น
วิธีขยายพันธุ์
มีทั้งเพาะเมล็ด, ปักชำ, แยกหน่อ และเพาะเนื้อเยื่อ ซึ่งปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีและขยายตัวได้เร็วเนื่องจาก มีการพยายามผลิตตัวใหม่ๆ ขึ้นมา สร้างสายพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมาโดยการผสมพันธุ์ เพาะสายพันธุ์รวมทั้งการใช้สารเคมีเข้ามาช่วยในการปรับปรุงพันธุ์ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์จากรังสีแกมมา อีกส่วนหนึ่งคือที่นี่จะมีนิสิตนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ มาฝึกงานภายในสวนตลอดทั้งปี
ตลาด
แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ ตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ
ตลาดต่างประเทศก็มีหลายประเทศด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นและประเทศในทวีปยุโรป, อเมริกา, แคนาดา เป็นต้น
ตลาดในประเทศจะมีร้านขายดอกไม้, โรงแรม, ร้านอาหาร, สถาบันการศึกษา ประเทศไทยมีการจัดงานบ่อยทั้งงานอวมงคลและงานมงคลซึ่งมีการใช้ไม้ใบมากขึ้น
ราคา
ส่วนใหญ่แล้วพืชผลทางการเกษตรจะมีพ่อค้าคนกลางเข้ามากำหนดราคา แต่ไม้ใบถือว่าโชคดีที่ผู้ผลิตสามารถกำหนดราคาเองได้แต่ก็อยู่บนพื้นฐานที่เราอยู่ได้ ผู้ซื้ออยู่ได้และคำนึงถึงต้นทุนการผลิต เช่น มอนสเตร่าไซซ์ใหญ่, กลาง และเล็ก จำหน่ายอยู่ที่ใบละ 12, 10 และ 8 บาทตามลำดับ ส่วนพวกเฟิร์นจำหน่ายใบละ 3 บาท เช่น เล็บครุฆผักชี เป็นต้น
คุณอุดมยังฝากบอกมาอีกว่าหากท่านใดสนใจที่จะติดต่อสอบถามข้อมูล ทางสวนอุดมการ์เด้นยินดีที่จะให้คำปรึกษาและให้ข้อมูลทุกอย่างที่ท่านอยากทราบ ติดต่อได้ที่คุณอุดม ฐิตวัฒนะสกุล บ้านเลขที่ 179 ม.3 ต.ดอนคลัง อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี 70130 โทร. 0-67789-5888, 081-809-1900, 0-3236-7201