งานวิจัยสวนอุดมการ์เด้น ตอน 36-39

36. การกำจัดขยะในฟาร์มเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทุกวันนี้การผลิตทุกปัจจัยจะมีของเหลือใช้เป็นขยะอยู่เสมอ การผลิตไม้ประดับตัดใบในอุดมการ์เด้น นอกเหนือจากจะขายในหลายขนาดและหลายคุณภาพแล้ว ก็ยังมีระดับคุณภาพที่ขายไม่ได้เลย ใบไม้เหล่านี้ใช้เป็นอาหารของปลาในบ่อได้เป็นอย่างดี ใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นไม้ใหญ่ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนฤดู หรือมีความผลัดใบที่ร่วงหล่น ก็สามารถหมักรวมกับมูลสัตว์เป็นปุ๋ยหมักใช้ในแปลงเกษตร ใบสนที่ร่วงหล่นเป็นเส้นใยที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ สามารถนำมาเป็นวัสดุปลูกที่คงทนถาวรกับพืชหลายๆกลุ่มได้เป็นอย่างดี เศษโฟมที่แตกหัก สามารถใช้รองก้นกระถาง ให้โปร่ง กันการอุดตันและการไหลของน้ำหากเป็นชิ้นเล็ก ก็สามารถผสมกับวัสดุปลูกอื่นได้ ขวดพลาสติก โลหะอื่น ก็เก็บรวบรวมขายเพื่อรีไซเคิลนำมาใช้ใหม่ในรูปแบบต่างๆ จะเห็นว่า ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนแล้วมีประโยชน์แบบที่หลายคนนึกไม่ถึงเลย

37. การเพิ่มมูลค่าแส้หางม้าด้วยการตัดยอด ไม้ประดับแส้หางม้ามีลักษณะลำต้นเป็นหัวโต และยอดสูงเดี่ยวไม่แตกแขนง การเพิ่มมูลค่าแส้หางม้า ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการปลูกลงดิน ให้โขดลำต้นมีขนาดใหญ่ ไว้สำหรับปลูกประดับ แต่อีกทางหนึ่ง คือการตัดยอดแล้วทาด้วยปูนเพื่อสมานแผลให้แห้งสนิท จากนั้นใช้ฮอร์โมนในกลุ่มออกซิน (Oxin) ชักนำให้เกิดกลุ่มยอดขึ้นมาพร้อมๆกัน ตั้งแต่ขนาดโขนหัวลำต้นยังเล็ก สามารถใช้ปลูกประดับเป็นไม้กระถางให้ดูแปลกตา เพิ่มมูลค่าทางการตลาดได้อีกทางหนึ่ง

38. การปลูกปาล์มลำต้นเดี่ยว (Single Tree) แบบโคนชิดเป็นกลุ่มหลายต้น โดยธรรมชาติปาล์มลำต้นเดี่ยวจะถูกเพาะและปลูกเพื่อประดับในพื้นที่ต่างๆ อย่างเป็นธรรมชาติ โดยการปลูกเป็นต้นเดี่ยว แต่การเพิ่มมูลค่าปาล์มในกลุ่มนี้อีกวิธีคือการปลูกเป็นกลุ่มตั้งแต่ต้นยังเล็ก เมื่อเจริญเติบโตขึ้นมาลักษณะโคนต้นจะติดและชิดกันเหมือนมีหน่อ ซึ่งทำให้การใช้งานประดับในลักษณะการจัดภูมิทัศน์ จะมีมุมมองที่แปลกตาออกไปเหมือนดังกับว่าเป็นต้นเดียวกัน โดยที่จะนำต้นใหญ่มาปลูกประกบชิดกัน ก็ไม่สามารถทำให้ติดชิดกันได้ดูแบบเป็นธรรมชาติ ดังนั้น การปลูกปาล์มต้นเดี่ยวเป็นกลุ่มด้วยจำนวนต้นต่างๆ จึงเพิ่มมูลค่าทางการผลิตและการบริโภคเป็นอีกหนทางหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศที่ผู้บริโภคต้องการความแปลกใหม่ในมุมมองที่เปลี่ยนไปของรูปแบบการผลิต

39. การพัฒนาพันธุ์บัวดิน (Zephyranthes) ทางการผลิตไม้ประดับ ล้วนแล้วมุ่งเน้นแต่ทิศทางทางการตลาดที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและยิ่งสำคัญมากขึ้นไปคือ กระแสความนิยมที่มีอยู่ล้นตามแฟชั่นการซื้อขาย จากที่เห็นได้จากกระแส การซื้อขายหน้าวัวใบในอดีต หรือแก้วกาญจนา ที่มีมูลค่านับหมื่นนับแสนต่อต้น ก็ยิ่งทำให้ผู้คนเข้ามาสนใจซื้อขาย ขยายพันธุ์ และพัฒนาพันธุ์ กันอย่างไม่ลดละ แม้ลักษณะเด่นของบางต้นยังไม่เข้าตาก็ตาม ด้วยกระแสนั้นก็เกิดผลดีคือ ได้มีการพัฒนาพันธุ์กันมาก จนเกิดพันธุ์ใหม่ ที่ถูกตาต้องใจในหลายๆต้นจนมาถึงยุคปัจจุบัน แต่นั่นก็คือผลพวงจากกระแส แต่หากมองให้ทั่ว ไม้ประดับมิได้รับอานิสงส์นั้นไปทุกชนิด วันนี้อุดมการ์เด้นเล็งเห็นความสำคัญไม้ประดับที่หลายคนบอกว่า เป็นไม้ที่ไม่มีมูลค่า หรือที่เซียนเรียกว่า “ไม้นอกสายตา” ถูกจับมาพัฒนาพันธุ์ขึ้นทั้งในประเทศและต่างแดน ที่คิดว่าแม้จะเป็นไม้พื้นๆอย่างบัวดิน เหมือนวัชพืชปกคลุมดินแต่มีดอก สีที่มีให้เห็นคือ ขาว ขาวเหลือง ชมพูอ่อน ชมพูเข้ม และเหลืองเข้ม ก็มีให้เห็นบ้างนั้น วันนี้ด้วยต้นพันธุ์ที่อุดมการ์เด้น ดำเนินสะดวก ไม่เพียงใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดิน ยึดดิน และลดการพังทลายจากการชะล้างของน้ำแล้ว คุณอุดม ยังพัฒนาพันธุ์ผสมข้ามสี จนเกิดมีสีแปลกใหม่ อวดสายตาทั้งชาวไทยและชาวโลกอย่างน่าตื่นเต้น ด้วยการตัดเกสรตัวผู้เมื่อดอกเริ่มบาน ช่วงเวลานั้นเกสรสีเหลืองยังไม่แก่ให้เกิดการหลุดล่วง เหลือเพียงแต่เกสรตัวเมียที่ชูช่อเกสรอยู่ในดอกสมบูรณ์เพศแต่เพียงเพศเดียว จากนั้นก็ตัดคีบเกสรตัวผู้ต้นพันธุ์ดี สีสวย เข้ามาเคาะใส่เกสรตัวเมียของดอกที่เตรียมไว้ ถ้าหากผสมสำเร็จ กลีบดอกก็จะเหี่ยวลงอย่างรวดเร็วภายใน 24ชั่งโมง รังไข่ก็จะขยายใหญ่ขึ้น มีสีเขียวเข้มอย่างชัดเจน เมล็ดที่อยู่ด้านในก็จะใหญ่ขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป ได้ราว 12-15 วันเมล็ดก็จะแก่เป็นสีดำพร้อมนำไปปลูกขยายพันธุ์ใหม่ได้ทันที และนี่คืออีกบทหนึ่งของการพัฒนาพันธุ์ที่ไม่ต้องแยกกันว่าไม้ถูกหรือไม้แพง หรือไม้ในกระแส แต่ไม้ประดับทุกชนิด หากคิดจะทำหรือพัฒนา ก็สามารถนำเงินตราเข้าประเทศหรือกระเป๋าเราได้อย่างง่ายๆ ไม้ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงใดๆทั้งสิ้นเลย